test protect push open

fb icontw icong plus iconyt icon

test protect push open

fb icontw icong plus iconyt icon

มีข้อผิดพลาด

There was a problem loading image 559000004551101.JPEG

There was a problem loading image pic.jpg

There was a problem loading image 590430_news3.jpg

คอบช.พร้อมภาคี 158 องค์กรจี้ 'รมว.สธ-อย.' ติดฉลากแสดงสินค้า GMOs

คอบช. พร้อม ภาคี 158 องค์กร เข้ายื่นหนังสือต่อ รมว.สาธารณสุข และ อย. ให้ปรับปรุงมาตรการฉลากอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารทุกรายการที่มีจีเอ็มโอ เพื่อยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภค

วันนี้ (17 ธ.ค. 58) ดร.ไพบูลย์ ช่วงทอง ประธานเครือข่ายนักวิชาการคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน (คอบช.) ร่วมกับ เครือข่ายประชาชน และองค์กรผู้บริโภคจำนวน 158 องค์กร ยื่นข้อเสนอต่อ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อให้มีการยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคเรื่องอาหารจีเอ็มโอ โดยมี นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และ นพ.กิติศักดิ์ กลับดี ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ออกมารับหนังสือ

ดร.ไพบูลย์ ช่วงทอง กล่าวว่า ประเทศไทยยังไม่คุ้มครองสิทธิพื้นฐานของผู้บริโภคด้านความปลอดภัย(Right to Safety) และสิทธิในการเลือกซื้อ (Right to Choose) ของอาหารที่ได้จากเทคนิคการดัดแปรพันธุกรรมหรือพันธุวิศวกรรม (อาหารจีเอ็มโอ) ที่เพียงพอ เนื่องจากปัจจุบันอาหารจีเอ็มโอ มีมากกว่าถั่วเหลืองและข้าวโพด อาทิ มะละกอ แป้งสาลี มันฝรั่ง แครอท มะเขือเทศ แซลมอน ฯลฯ ที่เป็นอาหารและผลิตภัณฑ์อาหาร ซึ่งมากกว่าการครอบคลุมของประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 251) พ.ศ. 2545 เรื่องการแสดงฉลากอาหารจีเอ็มโอ ซึ่งควบคุมเฉพาะถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ข้าวโพดและผลิตภัณฑ์จากข้าวโพด เท่านั้น ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะ อย. ต้องเข้ามาแก้ไขปัญหานี้ ด้วยการยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคและความปลอดภัยของอาหารโดยไม่ต้องรอกฎหมายความปลอดภัยทางชีวภาพเพราะกฎหมายดังกล่าวไม่ครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์อาหารจีเอ็มที่ผ่านการแปรรูป

"อาหารจีเอ็มโอของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นต้นแบบที่ ประเทศไทยใช้เป็นแนวทางในการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 251 เมื่อปี 2545 นั้น ได้มีการพัฒนาไปมาก กำหนดขอบข่ายอาหารหรือวัตถุเจือปนอาหารที่ผลิตมาจากสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม ได้แก่ เมล็ดพืชดัดแปรพันธุกรรม อาหาร ผลิตภัณฑ์อาหาร หรือวัตถุเจือปนอาหารที่ผลิตมาจากจุลินทรียที่ไม่ทำให้เกิดโรค ที่ดัดแปรพันธุกรรมต้องผ่านการประเมินความปลอดภัยที่กำหนด โดยเฉพาะความปลอดภัยต่อสุขภาพของมนุษย์ และมีการแสดงฉลากพืชจีเอ็มโอหากแตกต่างจากพืชธรรมชาติ และอาหารดัดแปรพันธุกรรมที่ผ่านการแปรรูป ที่จำหน่ายในท้องตลาด มีมาตรการการตรวจติดตามอาหารจีเอ็มโอ เพื่อป้องกันการกระจายของอาหารจีเอ็มโอ ที่ไม่ได้รับการประเมินความปลอดภัย และการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์อาหาร เพื่อรับประกันความปลอดภัย หลังออกสู่ตลาด" ประธานเครือข่ายนักวิชาการคุ้มครองผู้บริโภค คอบช. กล่าว

ด้าน น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ย้ำจุดยืนองค์กรผู้บริโภคว่า องค์กรผู้บริโภคไม่สนับสนุนพืชจีเอ็มโอเพื่อการค้าและการปลูกพืชจีเอ็มโอในไร่นา และให้มีมาตรการแสดงฉลากที่มีจีเอ็มโอและไม่มีจีเอ็มโอ เพื่อสร้างทางเลือกให้ผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้า

"มาตรการฉลากนี้เป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะว่าฉลากจะทำให้ผู้บริโภคเลือกได้ว่าเราควรจะซื้อหรือไม่ซื้อพืชจีเอ็มโอ แต่ถ้าเราทำให้เกิดการปลูกพืชจีเอ็มโอจะทำให้พืชจีเอ็มโอไปปนเปื้อนกับพืชท้องถิ่นทำให้ทางเลือกที่เรามีหายไปแน่นอน เราย้ำจุดยืนขององค์กรผู้บริโภค เราไม่สนับสนุให้ปลูกพืชจีเอ็มโอเพื่อการค้า และไม่สนับสนุนประเทศเดินไปสู่ทิศทางของการปลูกพืชจีเอ็มโอเพื่อเศรษฐกิจ แต่ว่าเราไม่ได้ขัดขวางการทดลอง ยังทดลองได้ในห้องทดลองในระบบปิด ไม่สนับสนุนให้ปลูกในไร่นา เพราะว่าสุดท้ายแล้วขณะนี้ไม่มีใครกล้ารับประกันว่าปลอดภัยหรืไม่ปลอดภัย ฉะนั้นผู้บริโภคเองต้องยึดหลักปลอดภัยไว้ก่อน" เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าว 

นางสาวมลฤดี โพธิ์อินทร์ นักวิชาการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ยิ่งไปกว่านั้น จากการทำข้อมูลและสำรวจปัญหาฉลากอาหารที่ผลิตจากสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม พบปัญหาสำคัญของผู้บริโภค คือ การมองไม่เห็นฉลากที่ระบุว่า อาหารนั้นมีส่วนประกอบจากการดัดแปรพันธุกรรม ฉลากมีขนาดเล็กเกินไป ทำให้ไม่สามารถคุ้มครองสิทธิพื้นฐานในการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคได้ และอาหารจำนวนมาก หลายรายการ ที่มีส่วนประกอบสำคัญเป็นถั่วเหลืองและข้าวโพดก็ไม่มีการระบุข้อมูล ว่ามีจีเอ็มโอหรือไม่ พบว่า มีบริษัทที่ใช้แป้งมันสำปะหลังจีเอ็มโอได้ระบุในฉลากว่า แป้งมันสำปะหลังดัดแปรพันธุกรรม

ทางด้าน นพ.กิติศักดิ์ กลับดี กล่าวว่า ประเทศไทยมีพืชหรือสารจีเอ็มโอเข้ามาหลายปีแล้ว แต่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมเรื่องความปลอดภัย ขณะที่ อย. ได้มีการกำหนดให้แสดงอาหารจีเอ็มโอเฉพาะผลิตภัณฑ์ข้าวโพดและถั่วเหลืองเท่านั้น อย่างไรก็ตามจะนำข้อเสนอดังกล่าวเข้าสู่คณะกรรมการฯ เพื่อกำหนดมาตรการและวิธีการเข้าจดแจ้งในประเทศไทยหรือนำมาจำหน่ายในประเทสไทยต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือนในการออกประกาศ 

"มาตรการต่างๆ ที่นำเสนอมาในวันนี้ก็เป็นเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขเราจะต้องทำ ซึ่งผมคิดว่าคงใช้เวลาสักประมาณ 3-6 เดือน ที่จะออกมาเป็นประกาศกระทรวงสาธารณสุขเพื่อมาใช้บังคับทั้งอาหารที่จะต้องนำเข้ามาจดแจ้งในประเทศไทยหรือนำมาจำหน่ายในประเทศไทยในโอกาสต่อไป ซึ่งจะต้องร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และร่วมมือกับชมรมคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อที่จะช่วยกันดูแลเรื่องของอาหารจีเอ็มโอนี้ให้ดีที่สุด"  ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว

ด้าน นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม กล่าวถึงกระบวนการในการทำกฎหมายหรือประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ออกตาม พรบ.อาหาร พ.ศ. 2522 ต้องผ่านคณะอนุกรรมการด้านฉลาก คณะอนุกรรมการกำหนดคุณภาพมาตรฐาน และเข้าสู่คณะกรรมการอาหารต่อไป ซึ่งคณะกรรมการอาหารนั้นประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และตัวแทนมูลนิธิหรือชมรมคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อจะได้มีมุมมองที่ครบถ้วนในการปรับปรุงฉลาก 

"เรื่องของฉลาก คือฉลากในเรื่องจีเอ็มโอเราในหลักของอาหารต้องมีความปลอดภัยถึงจะนำมาขายได้ ฉลากนั้นเป็นข้อมูลให้ผู้บริโภคเป็นทางเลือก ฉลากเดิมจะเป็นเรื่องถั่วเหลือและข้าวโพดและผลิตภัณฑ์ทั้ง 22 รายการที่ให้แสดง ที่บอกว่าเปอร์เซ็นต์ที่แสดงในส่วนประกอบไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ จริงๆ นั้นเห็นด้วยนะว่ามันน้อยกว่านี้ได้ไหม อันนี้อยู่กับการตรวจของหน่วยงาน เช่นกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็ตรวจได้ อันนี้เราก็จะสามารถลงคำว่าจีเอ็มโอลงไปได้เลย ส่วนพัฒนาการฉลากที่จะต้องเป็นลักษณะไหน ผมคิดว่อนุกรรมการต้องไปดูต่อ" รองเลขาธิการ อย. กล่าว

 

เพื่อเป็นการยกระดับและส่งเสริมการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งเป็น 1 ใน 10 เป้าหมายนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขในปี พ.ศ. 2559 จึงเสนอให้กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการดังนี้

1.  ปรับปรุงประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 215 พ.ศ. 2545 เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน และยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภค โดย

     1.1  กำหนดให้อาหาร ผลิตภัณฑ์อาหาร หรือวัตถุเจือปนอาหาร ที่ผลิตมาจากสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม ได้แก่ เมล็ดพืชดัดแปรพันธุกรรม อาหารและผลิตภัณฑ์อาหาร หรือวัตถุเจือปนอาหาร ที่ผลิตมาจากจุลินทรียที่ไม่ทำให้เกิดโรคที่ดัดแปรพันธุกรรม ต้องผ่านประเมิน ความปลอดภัยที่กำหนด ทั้งนี้ การประเมินความเสี่ยง ต้องกำหนดอย่างละเอียด ในประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับปรับปรุงใหม่

     1.2  กำหนดให้อาหาร และผลิตภัณฑ์อาหารทุกชนิดและวัตถุดิบที่ได้จากเทคนิคการดัดแปรพันธุกรรม หรือพันธุวิศวกรรม เป็นอาหารที่ต้องมีฉลากที่ชัดเจน โดยต้องมีการแสดงฉลากว่า มาจากเทคโนโลยีจีเอ็มโอในทุกกรณีที่ตรวจพบ แทนของเดิมที่ระบุให้อาหารและผลิตภัณฑ์อาหาร หรือโปรตีนที่เป็นผลจากการดัดแปรพันธุกรรม ตั้งแต่ร้อยละ 5 ของแต่ละส่วนประกอบที่เป็นส่วนประกอบหลัก 3 อันดับแรก และแต่ละส่วนประกอบดังกล่าวนั้นมีปริมาณตั้งแต่ร้อยละ 5 ของน้ำหนักผลิตภัณฑ์

     1.3  ให้ฉลากมีสัญลักษณ์จีเอ็มโอในรูปสามเหลี่ยมที่ชัดเจนและเห็นได้ชัด ดังที่มีการดำเนินการในประเทศบราซิล

     1.4  อนุญาต ให้ใช้ข้อความ‘ปลอดอาหารดัดแปรพันธุกรรม’หรือ‘ไม่ใช่อาหารดัดแปรพันธุกรรม’หรือ‘ไม่มีส่วนประกอบของอาหารดัดแปรพันธุกรรม’หรือข้อความ อื่นๆ ในทำนองเดียวกัน ซึ่งต้องมีหลักฐานการตรวจรับรองจากหน่วยงานรัฐ หรือหน่วยรับรองที่รัฐให้การรับรอง

2.  กำหนดให้มีกระบวนการตรวจสอบหลังการอนุญาตจำหน่าย (Post-Marketing) ทั้งอาหารจีเอ็มโอและอาหารที่ระบุว่า อาหารปลอดการดัดแปรพันธุกรรม (non-GM)

3.  เร่งรัดพัฒนาระบบการรายงานความไม่ปลอดภัยด้านอาหาร (Food Alert System for Thai Consumers) และใช้ฐานข้อมูลร่วมกันของหน่วยงานรัฐและองค์กรผู้บริโภค พร้อมให้มีการเปิดเผยข้อมูลการทดสอบความไม่ปลอดภัยด้านอาหาร แก่สาธารณะอย่างต่อเนื่อง

4.  ข้อเสนอต่อกฎหมายความปลอดภัยทางชีวภาพ หากมีการดำเนินการในอนาคต ขอให้ยึดหลักการคุ้มครองสุขภาพและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในการดำเนินการ ขอเสนอให้กระทรวงสาธารณสุขต้องมีบทบาทสำคัญเป็นหน่วยงานในการประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพ และยึดหลักป้องกันไว้ก่อน โดยในกฎหมายนี้จำเป็นต้องมีมาตรการชดเชยเมื่อได้รับผลกระทบจากพืชจีเอ็มทั้งหมด

 

ข่าวบทความเนื้อหาใกล้เคียงกัน:

|

Tags: คอบช. , อาหาร , มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค , ผู้บริโภค, มลฤดี โพธิ์อินทร์, สารี อ๋องสมหวัง, กระทรวงสาธารณสุข , ไพบูลย์ ช่วงทอง, พืชดัดแปลงพันธุกรรม

 พิมพ์  อีเมล

การแถลงข่าวคณะกรรมการองค์การอิสระฯ

ลูกหนี้ เฮ พรบ.ทวงหนี้ ผ่านฉลุย ลดข่มขู่คุกคาม

 สนช.ไฟเขียว พรบ.ทวงหนี้ ครอบคลุมลูกหนี้ทั้งใน-นอกระบบ...
เร่งกรรมาธิการฯพิจารณา กม.ทวงหนี้ ร้องเพิ่มมาตรการเยียวยาลูกหนี้

กก.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน นักกฎหมาย...
สถานการณ์ที่อยู่อาศัย กับ การคุ้มครองผู้บริโภคไทย แค่ไหนถึงเป็นธรรม?

  วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปี สหประชาชาติได้กำหนดให้เป็น...
เผยผลโพล ระบุ ก๊าซหุงต้มแพงเกินจริง จี้พาณิชย์คุมราคา

เมื่อวันที่ 28 มกราคม ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการบริการสาธารณะ...
พระครูวิมลปัญญาคุณแนะผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์

  วันนี้ (20 มิ.ย. 58) พระครูวิมลปัญญาคุณ วัดป่าศรีแสงธรรม จ.อุบลราชธานี...
ฉลากแป้งฝุ่นทาผิวในประเทศไทยยังไม่มีคำเตือน อันตรายเสี่ยงมะเร็ง

หลังข่าว ศาลชั้นต้นแห่งเมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกา...
สปช.หารือ ผู้บริโภค-ผู้ประกอบการ ปรับกม.เลมอลลอว์ คอบช.ชี้ให้ยกร่างกม.ใหม่

  สปช.คุ้มครองผู้บริโภค เชิญ องค์กรผู้บริโภค สคบ. สภาหอการค้าฯ...
เอายาปฏิชีวนะ ออกจากอาหารของเรา

ปัจจุบัน ๕๐% ของยาปฏิชีวนะทั่วโลก ถูกใช้ในทางการเกษตร...
สานพลังปัญญาและภาคี สร้างวิถีสุขภาวะไทย

วันที่ 21 ธ.ค. 2558 รศ.ดร.จิราพร ลิ้มปานานนท์...
คอบช.พร้อมภาคี 158 องค์กรจี้ 'รมว.สธ-อย.' ติดฉลากแสดงสินค้า GMOs

คอบช. พร้อม ภาคี 158 องค์กร เข้ายื่นหนังสือต่อ รมว.สาธารณสุข และ อย....