ฉลาดซื้อ ตรวจซ้ำ สารกันบูดในโรตีสายไหม ยังพบเกินมาตรฐาน แนะหน่วยงานกำกับดูแลสุ่มตรวจจริงจัง พร้อมให้ความรู้ผู้ประกอบการ
วันที่ 29 พฤษภาคม 2562 ณ ห้องประชุมชั้น 2 มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ร่วมกับ เครือข่ายองค์กรผู้บริโภค จ.พระนครศรีอยุธยา ภายใต้โครงการเฝ้าระวังสินค้าและบริการเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ สุ่มเก็บตัวอย่างโรตีสายไหม จำนวน 13 ตัวอย่าง จากร้านค้าโรตีสายไหมในอยุธยา เพื่อส่งตรวจวิเคราะห์ปริมาณสารกันบูด ประเภทกรดเบนโซอิก และสีผสมอาหารสังเคราะห์เป็นครั้งที่สอง จากก่อนหน้านี้ ที่เคยสุ่มตรวจครั้งแรก เมื่อเดือนมีนาคม 2561
โดยผลทดสอบครั้งนี้ พบโรตีสายไหมที่มีปริมาณสารกันบูดประเภทกรดเบนโซอิกเกินมาตรฐาน จำนวน 6 ตัวอย่าง
(คิดเป็นร้อยละ 46) ได้แก่
1) ร้านเรือนไทย พบกรดเบนโซอิก 1024.60 มก./กก.
2) ร้านไคโร น้องชายบังอิมรอน พบกรดเบนโซอิก 1114.79 มก./กก.
3) ร้านบังหมัด พบกรดเบนโซอิก 1251.81 มก./กก.
4) ร้านวริศรา โรตีสายไหม พบกรดเบนโซอิก 1442.81 มก./กก.
5) ร้านบังเปีย อามีนะห์ แสงอรุณ พบกรดเบนโซอิก 1590.67 มก./กก.
และ 6) ร้านแม่ชูศรี พบกรดเบนโซอิก 3281.56 มก./กก.
ซึ่งตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 389 พ.ศ. 2561 เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 5) อนุญาตให้ตรวจพบปริมาณกรดเบนโซอิกสูงสุดได้ไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักอาหาร 1 กิโลกรัม ส่วนอีก 7 ตัวอย่าง ที่มีปริมาณสารกันบูดไม่เกินมาตรฐาน ได้แก่
1) ร้านอาบีดีน + ประนอม แสงอรุณ พบกรดเบนโซอิก 19.87 มก./กก.
2) ร้านวรรณพร พบกรดเบนโซอิก 526.67 มก./กก.
3) ร้านจ๊ะโอ๋ พบกรดเบนโซอิก 574.58 มก./กก.
4) ร้านเอกชัย (B.AEK) พบกรดเบนโซอิก 575.34 มก./กก.
5) ร้านประวีร์วัณณ์ พบกรดเบนโซอิก 620.87 มก./กก.
6) ร้านศิลัคข บังอารีย์ แสงอรุณ เจ้าเก่า พบกรดเบนโซอิก 751.19 มก./กก.
และ 7) ร้านแกรนด์ โรตีสายไหม (โรตี ล้อเล็ก) พบกรดเบนโซอิก 867.70 มก./กก.
ในส่วนของปริมาณสีผสมอาหารสังเคราะห์นั้น พบว่า มีแผ่นแป้งโรตี จำนวน 2 ตัวอย่าง ที่ตรวจพบปริมาณสีผสมอาหารสังเคราะห์ ในกลุ่มสีเหลือง คือ ตาร์ตราซีน (Tartrazine) เกินมาตรฐาน ได้แก่
1) ร้านประวีร์วัณณ์ ตรวจพบปริมาณ ตาร์ตราซีน 57.41 มก./กก
และ 2) ร้านวรรณพร ตรวจพบปริมาณ ตาร์ตราซีน 59.76 มก./กก.
ซึ่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 381) พ.ศ. 2559 อนุญาตให้ใช้ ตาร์ตราซีน ได้สูงสุดไม่เกิน 50 มก./กก. สำหรับอาหารในกลุ่มขนมหวานที่มีธัญชาติและสตาร์ชเป็นส่วนประกอบหลัก
ทั้งนี้ หากเทียบสัดส่วนการสุ่มตรวจพบปริมาณสารกันบูดในโรตีสายไหมที่เกินมาตรฐาน ในครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 ยังคงไม่แตกต่างกันมาก โดยในครั้งแรกพบว่า มีร้านค้าโรตีสายไหม จำนวน 4 ร้าน จากทั้งหมด 10 ร้าน ที่ตรวจพบปริมาณสารกันบูดเกินมาตรฐาน (คิดเป็นร้อยละ 40) และในครั้งที่สองพบว่า มี 6 ร้าน จาก 13 ร้าน ที่ปริมาณสารกันบูดเกินที่มาตรฐาน (ประมาณร้อยละ 46) แต่สิ่งที่น่าสังเกตคือ ร้านโรตีสายไหมที่เคยตรวจพบสารกันบูดเกินมาตรฐานในครั้งแรก ยังคงตรวจพบปริมาณสารกันบูดมากกว่าเดิมในครั้งที่สอง และยังพบว่าร้านโรตีสายไหมที่สุ่มตรวจใหม่เพิ่มเติมบางร้านก็มีสารกันบูดเกินมาตรฐาน
ดังนั้น มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จึงขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบลงพื้นที่สุ่มตรวจโรตีสายไหมที่วางจำหน่ายในจังหวัด หากพบร้านค้าใดใช้สารกันบูดหรือสีผสมอาหารสังเคราะห์เกินปริมาณที่กำหนด ให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างมาตรฐานความปลอดภัยของอาหารให้กับผู้บริโภค และเห็นว่าควรมีการจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้วัตถุเจือปนอาหาร แก่ผู้ประกอบการร้านค้า เช่น การใช้เครื่องมือชั่ง ตวง วัด วัตถุเจือปนอาหารประเภทสารกันบูดและสีผสมอาหารสังเคราะห์ เมื่อผู้ประกอบการสามารถใช้วัตถุเจือปนอาหารได้อย่างถูกต้อง ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกมาก็จะมีคุณภาพมาตรฐาน
สำหรับผลเสียของสารกันบูดต่อร่างกาย ได้แก่ อาการวิงเวียน ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน หรืออาจทำให้ระบบทางเดินอาหารเกิดการระคายเคือง อาจทำให้เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงช็อกเฉียบพลัน หายใจไม่ออก หรือเป็นลมหมดสติได้ เพราะฉะนั้น แนะนำว่าผู้บริโภคควรเลือกซื้อโดยสังเกตเส้นสายไหมและแผ่นแป้งที่มีสีไม่เข้มจัดเพื่อหลีกเลี่ยงการบริโภคสีผสมอาหารสังเคราะห์ และควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับสารกันบูดมากจนเกินไป
อ่านบทความฉบับเต็ม คลิก https://www.chaladsue.com/article/3124?fbclid=IwAR1ERuOkt5I_sQGVVOXIyZMg6wsi7DGDsvDqh_Oc5lLn3DoMuM_qVNENAaE
สอบถามเพิ่มเติม โทร. 089-765-9151, 084-652-6105