มพบ. พาตุ๊กตุ๊ก บุก ‘ออมสิน’ ทวงถามความโปร่งใสปล่อยสินเชื่อ - จี้ถอนฟ้องผู้เสียหายทุกราย
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค นำกลุ่มผู้เสียหายรถสามล้อสาธารณะและรถเมล์กว่า 150 ราย จากการปล่อยสินเชื่อของธนาคารออมสิน เดินทางไปทวงถามความคืบหน้ากับ ผอ.ธนาคารออมสิน พร้อมขอให้ถอนฟ้องคดีผู้เสียหายทั้งหมดทันที
จากกรณีที่ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มคนขับสามล้อรับจ้างจำนวนกว่า 100 ราย และเจ้าของรถเมล์ร่วมบริการ สาย 1 สาย 17 39 และสาย 75 ว่าได้รับความไม่เป็นธรรมจากการทำสัญญากับบริษัท สหกรณ์บริการจักรเพชร จำกัด และธนาคารออมสิน มพบ. จึงได้ทำหนังสือถึง ผู้อำนวยการออมสิน สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2561 ซึ่งธนาคารออมสินได้ตอบกลับอีเมลแจ้งว่าอยู่ระหว่างดำเนินการนั้น
วันนี้ (27 พฤศจิกายน 2561) นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และนายวันทอง ศรีจันทร์ ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายจากโครงการสินเชื่อสามล้อเอื้ออาทร พร้อมผู้เสียหายจากการกู้สินเชื่อเพื่อซื้อรถสามล้อ ในโครงการ ‘สามล้อเอื้ออาทร’ และผู้เสียหายจากการกู้สินเชื่อเพื่อซื้อหรือซ่อมแซมรถเมล์กว่า 150 คน เดินทางไปทวงถามความคืบหน้า เรื่อง ‘ขอให้พิจารณาถอนฟ้องและแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียน กรณีรถยนต์สามล้อสาธารณะ’ เนื่องจากไม่เห็นความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมจากธนาคารฯ
โดยกลุ่มผู้เสียหายได้เรียกร้องให้ธนาคารออมสิน ถอนฟ้องคดีผู้เสียหายทุกรายที่ทำสัญญากู้ยืมเงินในลักษณะเดียวกัน กรณีที่ยื่นฟ้องจนกระทั่งศาลมีคำพิพากษาแล้ว ก็ขอให้งดการบังคับคดีเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและความโปร่งใสในโครงการสินเชื่อดังกล่าว
นอกจากนี้ มพบ. ได้เรียกร้องให้ธนาคารออมสินตรวจสอบพฤติการณ์ของผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาสยามพารากอนและสาขาเยาวราช รวมถึงพนักงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ว่าอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐหรือไม่ หากพบว่ามีความผิดก็ขอให้ธนาคารออมสินมีมาตรการลงโทษพนักงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกรายโดยทันที เนื่องจากโครงการสินเชื่อดังกล่าว เป็นโครงการของรัฐที่มีวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือประชาชน
ข้อเสนอจากกลุ่มผู้เสียหาย 4 ข้อ ดังนี้
1. ขอให้ธนาคารฯ ถอนฟ้องผู้เสียหายทุกรายที่ทำสัญญากู้ยืมเงินกับธนาคารฯ จากสาขาสยามพารากอนและสาขาเยาวราช ในลักษณะเดียวกัน กรณีที่ยื่นฟ้องไปแล้ว จนกระทั่งศาลมีคำพิพากษา ก็ให้งดการบังคับคดี เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
2. ขอให้ธนาคารฯ ตรวจสอบสัญญาว่าทำไมผู้เสียหายจึงมีการทำสัญญา 2 ฉบับ จากเงินกู้ก้อนเดียวกันจนทำให้เป็นหนี้เงินกู้ 2 สัญญา
3. ขอให้ธนาคารฯ ชี้แจงวิธีการแก้ปัญหากรณีผู้เสียหายไม่ได้รับสัญญากู้ยืมเงิน และไม่ได้รับเงินกู้เต็มจำนวนตามสัญญา
4. ขอให้ธนาคารฯ ชี้แจงเรื่องการบังคับให้ทำประกันอุบัติเหตุ เนื่องจากตัวแทนสหกรณ์บริการจักรเพชร จำกัด อ้างว่าเงินกู้ตามยอดที่ธนาคารฯ ฟ้องคดี มีค่าเบี้ยประกันรวมอยู่ด้วย
ด้านนายประเสริฐ กองจันทร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสิน สายงานบริหารหนี้และกฎหมาย กลุ่มปฏิบัติงาน กล่าวว่า ธนาคารยอมรับข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้เสียหาย โดยสำหรับผู้ที่ถูกฟ้องคดีและมีคำพิพากษาศาลฯ แล้ว ธนาคารฯ จะยื่นขอให้ศาลชะลอการบังคับคดี ส่วนผู้ที่ถูกฟ้องคดีแต่ยังไม่ได้มีคำพิพากษา จะยื่นขอให้ศาลจำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว และในกรณีที่ยังไม่ถูกยื่นฟ้องจะสั่งให้ชะลอการฟ้องไว้ก่อน
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องเอกสารคู่ฉบับของสัญญาเงินกู้ ธนาคารฯ สามารถมอบให้ผู้กู้เพื่อให้ตรวจสอบยอดเงินได้ เพราะเป็นสิทธิของผู้กู้ที่จะต้องได้รับเอกสาร ส่วนประเด็นการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของธนาคารฯ นั้น ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบประมาณ 45 วัน ทั้งนี้ ธนาคารออมสินได้นัด มพบ. และกลุ่มผู้เสียหายไปฟังคำตอบในวันที่ 15 มกราคม 2562 เวลา 09.30 น. ที่ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่
ขณะที่นายพนมไพร สุขศรี ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหายจากโครงการสินเชื่อสามล้อเอื้ออาทร กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นตัวแทนของกลุ่มรู้สึกพึงพอใจเพียง 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เนื่องจากทางธนาคารให้การคลุมเครือในหลายๆ เรื่อง และให้คำตอบที่ไม่ชัดเจนสักเท่าไร เช่น ยอดหนี้ของแต่ละคนที่ต้องมาจี้ว่ามีค่าใช้จ่ายตามความจริงอยู่ที่เท่าใด หรือทำไมธนาคารถึงให้สหกรณ์ฯ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเงินกู้ที่จะนำมากู้ซื้อรถสามล้อ เป็นต้น จากนี้ก็จะสู้ต่อเพื่อที่ต้องการจะทราบจำนวนหนี้สินตามความเป็นจริงว่ามีหนี้เท่าไรและต้องไปชำระหนี้เท่าไร นอกจากนี้อยากจะขอให้ธนาคารดึงหนี้ที่กลุ่มผู้เสียต้องชำระผ่านทางสหกรณ์ฯ ก่อนหน้านั้นให้มาชำระโดยตรงกับธนาคารเลย
นางสุรัตนา จันทราภินันต์ จากโครงการสินเชื่อสามล้อเอื้ออาทร กล่าวว่า หลังจากฟังการเจรจาในวันนี้ไม่ทราบว่าอยู่ในกลุ่มใด เนื่องจากตัวเองซื้อสิทธิรถสามล้อเครื่องมาอีกที แต่ถ้าฟังการเจรจาคิดว่าธนาคารก็จะหยุดฟ้องทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนที่ถูกศาลฟ้องไปแล้วหรือยังไม่ถูกศาลฟ้อง สำหรับคนที่ไม่โดนธนาคารฟ้องและเจ้าของสิทธิรถก็เป็นชื่อของตัวเขาเองด้วยคงจะพึงพอใจในระดับหนึ่งหลังจากฟังการเจรจาในวันนี้ แต่ในกรณีของตัวเองที่ซื้อสิทธิต่อมาจากผู้อื่นและได้ผ่อนหนี้ไปบางส่วนแล้ว อีกทั้งก็ไม่ทราบว่าจะได้รถมาด้วยหรือไม่ จึงเกิดความวิตกกังวลไม่น้อย เนื่องจากทางธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ชี้แจงว่าไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องรถเลย ทั้งราคารถหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับรถ จึงเกิดเป็นความวิตกกังวลว่าใครจะออกมาช่วยในส่วนนี้ได้บ้าง
“หลังจากนี้ก็คงต้องสู้ต่อ เพราะกรณีตัวเองนั้นเล่มรถที่ถูกโอนไปก็เป็นของสหกรณ์ฯ ซึ่งกรมการขนส่งทางบกอายัดไว้ โดยกรมการขนส่งฯ ก็ได้แจ้งว่าให้เจ้าของสิทธิคนแรกสามารถกลับไปเอาคืนได้ ซึ่งหมายความว่าเราจะไม่มีสิทธิในนั้นเลย อีกทั้งยังกลัวว่าเจ้าของสิทธิคนแรกจะไปเอาเล่มรถคืน ถ้าเป็นเช่นนั้นตัวเองก็ทำอะไรไม่ได้เลย” นางสุรัตนากล่าว
นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียหายจากการกู้สินเชื่อเพื่อซื้อหรือซ่อมแซมรถเมล์ร่วมบริการสาย 1, 17, 39 และ 75 กว่า 30 ราย ซึ่งมีลักษณะคล้ายกันมาร้องเรียนกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และยังมีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียนเพิ่มตลอด